พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 367

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 367

๓. หวังธรรม ๒ อย่าง

๔. ปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย

๕. ต้องครุธรรมพึงประพฤติปักขมานัตในสงฆ์ ๒ ฝ่าย

๖. พึงแสวงหาอุปสมบทเพื่อสิกขมานาผู้ได้ศึกษาครบ ๒ ปี

๗. ไม่ด่าภิกษุ

๘. เปิดโอกาสให้ภิกษุว่ากล่าวตักเตือน

การรับครุธรรม ๘ อย่างนั้นเป็นการอุปสัมปทาของ

พระนางมหาปชาบดีโคตมี

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ถ้ามาตุคามไม่ออกบวช

สัทธรรมจะตั้งอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะมาตุคามออกบวช

สัทธรรมจะตั้งอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปี

ความเสื่อมแห่งพระสัทธรรม

เปรียบเหมือนโจรลักทรัพย์ หนอนขยอก เพลี้ย

การกำหนดให้มาตุคามผู้จะออกบวชต้องรับครุธรรม ๘ อย่าง

เปรียบเหมือนการกั้นทำนบที่ขอบสระใหญ่

เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกไป

พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตให้อุปสมบทภิกษุณี

ต่อมา ภิกษุณีศากิยานีทั้งหลายกล่าวว่า

พระนางมหาปชาบดีโคตมียังไม่ได้อุปสมบท

เพราะรับแต่ครุธรรม พระนางมหาปชาบดีโคตมีกราบทูล

ขอให้ภิกษุและภิกษุณีอภิวาทกันตามลำดับพรรษา

พระผู้มีพระภาคไม่ทรงอนุญาตให้ภิกษุทำอภิวาทมาตุคาม

ตรัสวิธีปฏิบัติในสิกขาบทที่เป็นสาธารณบัญญัติ

และไม่เป็นสาธารณบัญญัติ

ทรงแสดงหลักตัดสินพระธรรมวินัย ตรัสเรื่องปาติโมกข์

และบุคคลที่ควรยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงแก่ภิกษุณี