พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 396
@vinayo
พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 396
๔. ราหูผู้เป็นจอมอสูรเป็นสิ่งมัวหมองที่เป็นเหตุให้ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ มัวหมอง ไม่ส่องแสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง
ภิกษุทั้งหลาย สิ่งมัวหมองที่เป็นเหตุให้ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์มัวหมอง ไม่ส่อง แสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรือง ๔ ประการเหล่านี้แล
เช่นเดียวกัน ภิกษุทั้งหลาย อุปกิเลสเป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมัว หมอง ไม่สง่า ไม่ผ่องใส ไม่รุ่งเรือง ๔ ประการนี้
อุปกิเลส ๔ ประการคือ
๑. ภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่งดื่มสุรา และเมรัย ไม่เว้น ขาดจากการดื่มสุราและเมรัย
ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นอุปกิเลสที่เป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมัวหมอง ไม่ สง่า ไม่ผ่องใส ไม่รุ่งเรือง ประการที่ ๑
๒. ภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่งเสพเมถุนธรรม ไม่เว้นขาด จากการเสพเมถุนธรรม
ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นอุปกิเลสที่เป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมัวหมอง ไม่ สง่า ไม่ผ่องใส ไม่รุ่งเรือง ประการที่ ๒
๓. ภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่งยินดีทองและเงิน ไม่เว้น ขาดจากการยินดีทองและเงิน
ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นอุปกิเลสที่เป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมัวหมอง ไม่ สง่า ไม่ผ่องใส ไม่รุ่งเรือง ประการที่ ๓
๔. ภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกหนึ่งดำเนินชีวิตด้วยมิจฉาชีพ ไม่ เว้นขาดจากมิจฉาชีพ
ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นอุปกิเลสที่เป็นเหตุให้สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมัวหมอง ไม่ สง่า ไม่ผ่องใส ไม่รุ่งเรือง ประการที่ ๔”
ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคตรัสพระดำรัสนี้แล้ว พระสุคตครั้นตรัสพระดำรัส นี้แล้ว พระศาสดาได้ตรัสประพันธ์คาถาว่า