พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 338

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 338

วาจา


{๖๔๗} อนึ่ง วาจาเป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ เป็นไฉน

ในกรณีนี้ ภิกษุบางรูปเป็นคนพูดไม่ดี พูดไม่ชัด พูดระราน ภิกษุทั้งหลายย่อม โจทภิกษุนั้นด้วยวาจาใด วาจานี้เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์

มูลแห่งอาปัตตาธิกรณ์


{๖๔๘} [๒๑๘] อะไรเป็นมูลแห่งอาปัตตาธิกรณ์

สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ อย่าง เป็นมูลแห่งอาปัตตาธิกรณ์ คือ

๑. อาบัติเกิดทางกาย ไม่ใช่ทางวาจา ไม่ใช่ทางจิตก็มี

๒. อาบัติเกิดทางวาจา ไม่ใช่ทางกาย ไม่ใช่ทางจิตก็มี

๓. อาบัติเกิดทางกายกับวาจา ไม่ใช่ทางจิตก็มี

๔. อาบัติเกิดทางกายกับจิต ไม่ใช่ทางวาจาก็มี

๕. อาบัติเกิดทางวาจากับจิต ไม่ใช่ทางกายก็มี

๖. อาบัติเกิดทางกาย วาจา กับจิตก็มี

สมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ อย่างเหล่านี้ เป็นมูลแห่งอาปัตตาธิกรณ์

มูลแห่งกิจจาธิกรณ์


{๖๔๙} [๒๑๙] อะไรเป็นมูลแห่งกิจจาธิกรณ์

สงฆ์เป็นมูลเดียวแห่งกิจจาธิกรณ์

{๖๕๐} [๒๒๐] วิวาทาธิกรณ์เป็นกุศล อกุศล หรืออัพยากฤต วิวาทาธิกรณ์เป็นกุศล ก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี

{๖๕๑} บรรดาวิวาทาธิกรณ์นั้น วิวาทาธิกรณ์ เป็นกุศล เป็นไฉน

ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุทั้งหลายมีจิตเป็นกุศล วิวาทกันว่า