พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 337
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเธอทั้งหลายพิจารณาเห็นมูลเหตุแห่งการโจทเช่นนี้ ภายใน หรือภายนอก ในข้อนั้น เธอทั้งหลายพึงพยายามเพื่อละมูลเหตุแห่งการโจทที่เป็นบาป ภายในหรือภายนอกนั้นแล ถ้าเธอทั้งหลายไม่พิจารณาเห็นมูลแห่งการโจทเช่นนี้ ภายในหรือภายนอก ในข้อนั้น เธอทั้งหลายพึงปฏิบัติเพื่อความยือเยื้อแห่งมูลเหตุ แห่งการโจทที่เป็นบาปนั้นแล การละมูลแห่งการโจทที่เป็นบาปนั้นแล ย่อมมีด้วย อาการอย่างนี้ ความยืดเยื้อแห่งมูลเหตุแห่งการโจทที่เป็นบาปนั้น ย่อมมีต่อไป ด้วยอาการอย่างนี้
มูลแห่งการโจทกัน ๖ อย่างเหล่านี้ เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์
อกุศลมูล ๓
{๖๔๔} อกุศลมูล ๓ อย่าง เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ เป็นไฉน
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุทั้งหลายย่อมมีจิตโลภโจท ย่อมมีจิต โกรธโจท ย่อมมีจิตหลงโจทภิกษุ ด้วยสีลวิบัติ อาจารวิบัติ ทิฏฐิวิบัติ หรืออาชีววิบัติ อกุศลมูล ๓ อย่างเหล่านี้ เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์
กุศลมูล ๓
{๖๔๕} กุศลมูล ๓ อย่าง เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ เป็นไฉน
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีจิตไม่โลภโจท ย่อมมี จิตไม่โกรธโจท ย่อมมีจิตไม่หลงโจท ด้วยสีลวิบัติ อาจารวิบัติ ทิฏฐิวิบัติ หรือ อาชีววิบัติ กุศลมูล ๓ อย่างเหล่านี้ เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์
กาย
{๖๔๖} อนึ่ง กาย เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ เป็นไฉน
ในกรณีนี้ ภิกษุบางรูปเป็นผู้มีผิวพรรณน่ารังเกียจ ไม่น่าดู มีรูปร่างเล็ก มี อาพาธมาก เป็นคนบอด ง่อย กระจอก หรืออัมพาต ภิกษุทั้งหลายย่อมโจทภิกษุนั้น ด้วยกายใด กายนี้เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์