พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 378

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 378

ร่วมประชุมด้วย ไม่สมควรเลย” จึงให้เวลากลางคืนเป็นส่วนมากล่วงไปด้วย กายคตาสติ พอถึงเวลาใกล้รุ่งก็เอนกาย ด้วยตั้งใจว่า “จะนอนพัก” แต่ศีรษะ ยังไม่ทันถึงหมอน เท้ายังไม่ทันยกขึ้นจากพื้น ในระหว่างนี้จิตได้หลุดพ้นจากกิเลส อาสวะทั้งหลาย เพราะไม่มีความยึดมั่นถือมั่น

เรื่องท่านพระอุบาลีตอบคำถามเกี่ยวกับพระวินัย


{๖๑๘} [๔๓๙] ครั้นท่านพระอานนท์เป็นพระอรหันต์ได้ไปสู่ที่ประชุม ลำดับนั้น ท่าน พระมหากัสสปะประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่า

“ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้ว ข้าพเจ้าจะสอบ ถามพระวินัยกับท่านพระอุบาลี”

ท่านพระอุบาลีจึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่า

“ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าสงฆ์พร้อมแล้ว ข้าพเจ้าอันท่านพระมหา กัสสปะถามพระวินัย จะได้ตอบต่อไป”

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑


ลำดับนั้น ท่านพระมหากัสสปะได้ถามท่านท่านพระอุบาลีว่า “ท่านอุบาลี พระ ผู้มีพระภาคทรงบัญญัติ ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ ณ ที่ไหน”

ท่านพระอุบาลีตอบว่า “ณ กรุงเวสาลี ขอรับ”

ท่านพระมหากัสสปะถามว่า “ทรงปรารภใคร”

ท่านพระอุบาลีตอบว่า “ทรงปรารภพระสุทินกลันทบุตร”

ท่านพระมหากัสสปะถามว่า “เพราะเรื่องอะไร”

ท่านพระอุบาลีตอบว่า “เพราะเสพเมถุนธรรม”

๑ กายคตาสติ คือ สติอันไปในกาย กำหนดพิจารณากายนี้ให้เห็นว่า ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ไม่สะอาด ไม่งาม น่ารังเกียจ