พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 373

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 373

ยานพาหนะที่ใช้มือลากไปภิกษุณีรูปหนึ่งไม่สบายอย่างหนัก

เพราะยานพาหนะกระเทือน ทรงอนุญาตวอและเปลหาม

หญิงแพศยาชื่ออัฑฒกาสีบวชในสำนักภิกษุณี ต้องการจะไป

กรุงสาวัตถีเพื่ออุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาค

แต่มีโจรแอบซุ่มอยู่ในหนทาง

พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตการอุปสมบทด้วยทูต

โดยมีภิกษุณีเป็นทูต ทรงห้ามอุปสมบทภิกษุณีโดยมีภิกษุ

สิกขมานา สามเณร สามเณรี

หรือภิกษุณีผู้โง่เขลาเป็นทูต

ต่อมา ภิกษุณีรูปหนึ่งอยู่ในป่า ถูกโจรประทุษร้าย

พระผู้มีพระภาคทรงห้ามภิกษุณีอยู่ป่า

ทรงอนุญาตโรงเก็บของ ที่อยู่ นวกรรม

และเมื่อนวกรรมไม่เพียงพอก็สามารถทำเป็นของส่วนตัวได้

ต่อมา สตรีคนหนึ่งมีครรภ์ บวชในสำนักภิกษุณี คลอดบุตร

พระผู้มีพระภาคทรงห้ามอยู่เพียงลำพัง ทรงห้ามภิกษุณีนอนใน

ที่มุงบังเดียวกันกับเด็ก ทรงอนุญาตให้แต่งตั้งภิกษุณีเป็นเพื่อน

ของภิกษุณีผู้ต้องอาบัติหนัก กำลังประพฤติมานัต

ทรงวางข้อกำหนดว่า ภิกษุณีสึกออกไป

โดยไม่บอกคืนสิกขาถือว่าได้สึกไปแล้ว

ไม่ทรงอนุญาตให้บวชภิกษุณีทั้งหลายผู้ไปเข้ารีตเดียรถีย์

ภิกษุณีบางพวกไม่ยินดีการกราบ การปลงผม

การตัดเล็บ การรักษาแผลจากพวกบุรุษ

พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตให้ยินดีได้

ไม่ทรงอนุญาตให้ภิกษุณีนั่งขัดสมาธิ

ทรงอนุญาตให้ภิกษุณีเป็นไข้นั่งกึ่งขัดสมาธิ