พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7 หน้าที่ 183

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 7
<< | หน้าที่ 183 | >>

พึงเห็นว่า สิ่งนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของพระเทวทัต สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือเอาความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้

{๓๖๓} [๓๓๘] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกับท่านพระสารีบุตรว่า “สารีบุตร ถ้าอย่างนั้น เธอจงทำปกาสนียกรรมเทวทัตในกรุงราชคฤห์เถิด”

พระสารีบุตรกราบทูลว่า “เมื่อก่อนข้าพระพุทธเจ้ากล่าวยกย่องพระเทวทัตใน กรุงราชคฤห์ว่า ‘โคธิบุตรมีฤทธิ์มาก โคธิบุตรมีอานุภาพมาก’ ข้าพระพุทธเจ้าจะ ทำปกาสนียกรรมพระเทวทัตในกรุงราชคฤห์อย่างไร พระพุทธเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “สารีบุตร เธอกล่าวยกย่องเทวทัตตามความเป็นจริง มิใช่หรือว่า ‘โคธิบุตรมีฤทธิ์มาก โคธิบุตรมีอานุภาพมาก”

ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า “จริงอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “สารีบุตร เธอก็จงทำปกาสนียกรรมในกรุงราชคฤห์ แก่เทวทัต ตามความเป็นจริงอย่างนั้นเหมือนกัน” ท่านพระสารีบุตรทูลรับสนอง พระพุทธดำรัสแล้ว

{๓๖๔} ต่อมา พระผู้มีพระภาครับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงแต่งตั้งสารีบุตรเพื่อทำปกาสนียกรรมในกรุงราชคฤห์แก่เทวทัต โดยประกาศ ว่า ‘เมื่อก่อนพฤติกรรมของ พระเทวทัตเป็นอย่างหนึ่ง เวลานี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระ เทวทัตประพฤติสิ่งใดด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระ สงฆ์เป็นอย่างนั้น พึงเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของพระเทวทัต’

วิธีแต่งตั้งและกรรมวาจา


ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงแต่งตั้งอย่างนี้ เบื้องต้น พึงขอร้องพระสารีบุตร ครั้น แล้วภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาว่า

ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าสงฆ์พร้อมแล้วพึงแต่งตั้งท่านพระสารีบุตร เพื่อทำปกาสนียกรรมพระเทวทัตในกรุงราชคฤห์ โดยประกาศว่า “เมื่อก่อน