พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 362

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 362

ผมระลึกไม่ได้ว่า ต้องครุกาบัติเห็นปานนี้ คือ อาบัติปาราชิก หรืออาบัติที่ใกล้ ปาราชิก”

ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมนั่นแก่ภิกษุนั้นแล

วิธีลงตัสสปาปิยสิกากรรมและกรรมวาจา


{๖๘๘} ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง สงฆ์พึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมอย่างนี้ คือ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า

“ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อนี้รูปนี้ ถูกซักถามถึงครุกาบัติใน ท่ามกลางสงฆ์ ปฏิเสธแล้วรับ รับแล้วปฏิเสธ เอาเรื่องหนึ่งมากล่าวกลบเกลื่อนอีก เรื่องหนึ่ง กล่าวเท็จทั้งที่รู้ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้ว สงฆ์พึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ ภิกษุชื่อนี้ นี่เป็นญัตติ

ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อนี้รูปนี้ ถูกซักถามถึงครุกาบัติใน ท่ามกลางสงฆ์ ปฏิเสธแล้วรับ รับแล้วปฏิเสธ เอาเรื่องหนึ่งมากล่าวกลบเกลื่อน อีกเรื่องหนึ่ง กล่าวเท็จทั้งที่รู้ สงฆ์ลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุชื่อนี้แล้ว ท่าน รูปใดเห็นด้วยกับการลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุชื่อนี้ ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่าน รูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง

แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ

แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ

ตัสสปาปิยสิกากรรม สงฆ์ลงแล้วแก่ภิกษุมีชื่อนี้ สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้น จึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”

ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อธิกรณ์ระงับแล้ว

ระงับด้วยอะไร ด้วยสัมมุขาวินัยกับตัสสปาปิยสิกา

ในสัมมุขาวินัยนั้นมีอะไรบ้าง มีความพร้อมหน้าสงฆ์ ความพร้อมหน้าธรรม ความพร้อมหน้าวินัย ความพร้อมหน้าบุคคล ฯลฯ