พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 335
๕. นี้ตถาคตทรงบัญญัติไว้ นี้ตถาคตไม่ได้ทรงบัญญัติไว้
๖. นี้อาบัติ นี้อนาบัติ
๗. นี้อาบัติเบา นี้อาบัติหนัก
๘. นี้อาบัติมีส่วนเหลือ นี้อาบัติไม่มีส่วนเหลือ
๙. นี้อาบัติชั่วหยาบ นี้อาบัติไม่ชั่วหยาบ
อกุศลมูล ๓ อย่างนี้ เป็นมูลแห่งวิวาทาธิกรณ์
กุศลมูล ๓
{๖๔๐} กุศลมูล ๓ เป็นมูลแห่งวิวาทาธิกรณ์ เป็นไฉน
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุทั้งหลาย มีจิตไม่โลภวิวาทกัน มีจิตไม่ โกรธวิวาทกัน มีจิตไม่หลงวิวาทกันว่า
๑. นี้ธรรม นี้อธรรม
ฯลฯ
๙. นี้อาบัติชั่วหยาบ นี้อาบัติไม่ชั่วหยาบ
กุศลมูล ๓ อย่างนี้ เป็นมูลแห่งวิวาทาธิกรณ์
มูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์
{๖๔๑} [๒๑๗] อะไรเป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์
อนุวาทมูล ๖ เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ อกุศลมูลทั้ง ๓ เป็นมูลแห่ง อนุวาทาธิกรณ์ กุศลมูลทั้ง ๓ เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ แม้กายก็เป็นมูลแห่ง อนุวาทาธิกรณ์ แม้วาจาก็เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์
อนุวาทมูล ๖
{๖๔๒} มูลแห่งการโจท ๖ อย่าง เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ เป็นไฉน
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มักโกรธ ผูกโกรธไว้ ภิกษุที่มัก โกรธ ผูกโกรธไว้ ภิกษุนั้นไม่มีเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระศาสดา ไม่มีความ