พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6
<< | หน้าที่ 190 | >>
๗๗. ไม่พึงเดินจงกรมในที่จงกรมเดียวกันกับภิกษุผู้ควรแก่อัพภานที่มี พรรษาแก่กว่า
๗๘. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานที่มีพรรษาแก่กว่าเดินจงกรมอยู่ในที่จงกรมต่ำ ไม่พึงเดินจงกรมในที่จงกรมสูง
๗๙. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานที่มีพรรษาแก่กว่าเดินจงกรมอยู่ที่พื้นดิน ไม่พึงเดินจงกรมในที่จงกรม
{๓๗๕} ภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้ควรแก่อัพภานเป็นรูปที่ ๔ พึงให้ปริวาสชักเข้าหา อาบัติเดิม ให้มานัต สงฆ์มีภิกษุผู้ควรแก่อัพภานนั้นเป็นรูปที่ ๒๐ พึงอัพภาน กรรมนั้นไม่จัดเป็นกรรม และไม่ควรทำ
วัตร ๗๙ ข้อของภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน จบ
อัพภานารหวัตตะ จบ
ปาริวาสิกขันธกะ ที่ ๒ จบ
ในขันธกะนี้มี ๕ เรื่อง
รวมเรื่องที่มีในปาริวาสิกขันธกะ
{๓๗๖} เรื่องพวกภิกษุผู้อยู่ปริวาสยินดีการที่ปกตัตตภิกษุทั้งหลาย กราบไหว้ ลุกรับ ประนมมือ ทำสามีจิกรรม นำอาสนะมาให้ นำที่นอนมาให้ การล้างเท้า ตั้งตั่งรองเท้า ตั้งกระเบื้องเช็ดเท้า รับบาตรและจีวร ถูหลังให้ในคราวอาบน้ำ ปกตัตตภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักกล่าวตำหนิ
ภิกษุอยู่ปริวาสผู้ยินดีต้องทุกกฏ ทรงอนุญาตแก่ภิกษุผู้อยู่ปริวาส ด้วยกันตามลำดับพรรษา และทรงอนุญาตกิจ ๕ อย่าง คือ อุโบสถ ปวารณา ผ้าอาบน้ำฝน การสละและภัต วิธีประพฤติชอบ คือ ภิกษุผู้อยู่ปริวาสไม่พึงเดินนำหน้าปกตัตตภิกษุ พอใจที่สุดท้าย ไม่พึงให้ภิกษุนำหน้าและตามเข้าตระกูล