พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6
<< | หน้าที่ 178 | >>
ควรแก่อัพภาน ... ไม่พึงอยู่ในอาวาสหรือสถานที่มิใช่อาวาสที่มุงบัง เดียวกันกับภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน ... ไม่พึงนั่งบนอาสนะเดียวกัน กับภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน
๗๕. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานนั่งบนอาสนะต่ำ ไม่พึงนั่งบนอาสนะสูง
๗๖. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานนั่งบนพื้นดิน ไม่พึงนั่งบนอาสนะ
๗๗. ไม่พึงเดินจงกรมในที่จงกรมเดียวกันกับภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน
๗๘. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานเดินจงกรมอยู่ในที่จงกรมต่ำ ไม่พึงเดิน จงกรมในที่จงกรมสูง
๗๙. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานเดินจงกรมอยู่ที่พื้นดิน ไม่พึงเดินจงกรม ในที่จงกรม
{๓๕๓} ภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้ควรแก่มานัตเป็นรูปที่ ๔ พึงให้ปริวาสชักเข้า หาอาบัติเดิม ให้มานัต สงฆ์มีภิกษุผู้ควรแก่มานัตนั้นเป็นรูปที่ ๒๐ พึงอัพภาน กรรมนั้นไม่จัดเป็นกรรม และไม่ควรทำ
วัตร ๗๙ ข้อของภิกษุผู้ควรแก่มานัต จบ
มานัตตารหวัตตะ จบ
๔. มานัตตจาริกวัตตะ
ว่าด้วยวัตรของภิกษุผู้ประพฤติมานัต
{๓๕๔} [๙๐] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายผู้ประพฤติมานัตยินดีการที่ปกตัตตภิกษุทั้งหลาย กราบไหว้ ลุกรับ ประนมมือ ทำสามีจิกรรม นำอาสนะมาให้ นำที่นอนมาให้ ตั้งน้ำล้างเท้า ตั้งตั่งรองเท้า ตั้งกระเบื้องเช็ดเท้า การรับบาตรและจีวร การถูหลัง ให้ในคราวอาบน้ำ
บรรดาภิกษุผู้มักน้อยสันโดษ ฯลฯ ตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉน พวกภิกษุผู้ประพฤติมานัตยินดีการที่ปกตัตตภิกษุทั้งหลายกราบไหว้ ลุกรับ ฯลฯ