พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 46
ปรบมือบ้าง ปล้ำกันบ้าง ชกมวยบ้าง ปูลาดผ้าสังฆาฏิท่ามกลางเวทีเต้นรำแล้วพูด กับหญิงฟ้อนรำอย่างนี้ว่า ‘น้องหญิง เธอจงฟ้อนรำในที่นี่’ ดังนี้แล้ว ให้การคำนับบ้าง ประพฤติไม่เหมาะสมต่าง ๆ บ้าง
แม้พวกชาวบ้านที่เคยศรัทธา เลื่อมใส แต่เดี๋ยวนี้ไม่ศรัทธา ไม่เลื่อมใสทาน ที่เคยถวายประจำแก่สงฆ์ บัดนี้ทายกทายิกาได้เลิกถวายแล้ว ภิกษุผู้มีศีลทั้งหลาย พากันจากไป พวกภิกษุผู้เลวทรามอยู่ครอบครอง ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส ฯลฯ
รับสั่งให้ลงปัพพาชนียกรรม
พระผู้มีพระภาคครั้นทรงตำหนิแล้วทรงแสดงธรรมีกถาตรัสเรียกพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะมารับสั่งว่า “ไปเถิด สารีบุตร โมคคัลลานะ เธอทั้งสองจงไป กีฏาคิรีชนบท จงลงปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะให้ไปจาก กีฏา คีรีชนบท เพราะภิกษุพวกนั้นเป็นสัทธิวิหาริกของเธอทั้งสอง”
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า “พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระ พุทธเจ้าจะลงปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะให้ไปจากกีฏาคิรี ชนบทได้อย่างไร เพราะพวกเธอดุร้าย หยาบคาย”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอทั้งสองจงไปกับภิกษุหลาย ๆ รูป”
พระเถระทั้งสอง ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสแล้ว
วิธีลงปัพพาชนียกรรมและกรรมวาจาลงปัพพาชนียกรรม
{๘๘} พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงลงปัพพาชนียกรรมอย่างนี้ คือ เบื้องต้น พึงโจทภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะ ครั้นแล้วให้ภิกษุเหล่านั้นให้การแล้ว จึงปรับอาบัติ ครั้นปรับอาบัติแล้ว ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วย ญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า