พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 14

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 6 หน้าที่ 14

๑. ปรับอาบัติก่อนแล้วจึงลง ๒. ลงโดยชอบธรรม

๓. สงฆ์พร้อมเพรียงกันลง

ภิกษุทั้งหลาย ตัชชนียกรรมที่ประกอบด้วยองค์ ๓ เหล่านี้แล ที่จัดว่าเป็น กรรมชอบด้วยธรรม เป็นกรรมชอบด้วยวินัย และระงับดี (๑๒)

ธัมมกัมมทวาทสกะ จบ


อากังขมานฉักกะ


ว่าด้วยสงฆ์มุ่งหวังจะลงตัชชนียกรรม ๖ หมวด


หมวดที่ ๑


{๒๘} [๖] ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวัง พึงลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วย องค์ ๓ คือ

๑. ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ ก่อความวิวาท ก่อความอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์

๒. โง่เขลา ไม่ฉลาด มีอาบัติมาก ต้องอาบัติกำหนดไม่ได้๑

๓. อยู่คลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ที่ไม่สมควร

ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวัง พึงลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ เหล่านี้แล (๑)

หมวดที่ ๒


{๒๙} ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวัง พึงลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วย องค์ ๓ อีกอย่างหนึ่ง คือ

๑. มีสีลวิบัติในอธิสีล ๒. มีอาจารวิบัติในอัชฌาจาร

๓. มีทิฏฐิวิบัติในอติทิฏฐิ

๑ ต้องอาบัติกำหนดไม่ได้ คือ เว้นจากการกำหนดอาบัติ หมายถึงต้องอาบัติไม่มีขอบเขต (วิ.อ. ๓/ ๔๐๗/๒๔๒)
๒ มีสีลวิบัติในอธิสีล คือ ต้องอาบัติปาราชิก หรืออาบัติสังฆาทิเสส มีอาจารวิบัติในอัชฌาจาร คือ ต้องอาบัติที่เหลืออีก ๕ มีถุลลัจจัยเป็นต้น มีทิฏฐิวิบัติในอติทิฏฐิ คือ ประกอบด้วยความเห็นว่า โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง โลกมีที่สุด โลก ไม่มีที่สุดเป็นต้น (วิ.อ. ๓/๘๔/๔๘-๔๙, (แปล) ดู.ที.สี. ๙/๕๓/๒๑)