พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 5 หน้าที่ 12

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 5 หน้าที่ 12

ของภิกษุนั้นได้เลย จิตของภิกษุนั้นไม่ถูกอารมณ์ครอบงำ เป็นธรรมชาติมั่นคงหนัก แน่น และภิกษุนั้นก็พิจารณาเห็นความเกิดดับของจิตนั้น

ถ้าสัททารมณ์ที่รุนแรงอันจะพึงรับรู้ทางหู ...

ถ้าคันธารมณ์ที่รุนแรงอันจะพึงรับรู้ทางจมูก ...

ถ้ารสารมณ์ที่รุนแรงอันจะพึงรับรู้ทางลิ้น ...

ถ้าโผฏฐัพพารมณ์ที่รุนแรงอันจะพึงรับรู้ทางกาย ...

ถ้าธรรมารมณ์ที่รุนแรงอันจะพึงรับรู้ทางใจ มาปรากฏทางใจของภิกษุผู้มีจิต หลุดพ้นแล้วโดยชอบอย่างนี้ ธรรมารมณ์เหล่านั้นย่อมไม่ครอบงำจิตของภิกษุนั้น ได้เลย จิตของภิกษุนั้นไม่ถูกอารมณ์ครอบงำ เป็นธรรมชาติมั่นคงหนักแน่น และ ภิกษุนั้นก็พิจารณาเห็นความ(เกิด)ดับของจิตนั้น

นิคมคาถา


{๔} จิตของพระขีณาสพผู้น้อมไปในเนกขัมมะ น้อมไปในปวิเวก น้อมไปในความไม่เบียดเบียน น้อมไปในความสิ้นอุปาทาน น้อมไปในความสิ้นตัณหา และน้อมไปในความไม่ลุ่มหลง ย่อมหลุดพ้นโดยชอบ เพราะเห็นความเกิดแห่งอายตนะ

ภิกษุผู้มีจิตสงบระงับหลุดพ้นโดยชอบ ย่อมไม่มีการสั่งสมกิจที่ทำแล้ว ทั้งไม่มีกิจที่จะต้องทำอีก

ภูเขาหินแท่งทึบย่อมไม่สะเทือนเพราะลม ฉันใด รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ทั้งมวล

๑ ฐานะ ๖ มีเนกขัมมะเป็นต้น หมายถึงพระอรหัตตผล (วิ.อ. ๓/๒๔๓/๑๖๕, สารตฺถ.ฏีกา ๓/๒๔๓/๓๕๕) ส่วนในเถรคาถาอรรถกถากล่าวอธิบายโดยประการอื่น (ขุ.เถร.อ. ๒/๖๔๐-๖๔๑)
๒ ความเกิดและความดับแห่งอายตนะทั้งหลาย (วิ.อ. ๓/๒๔๓-๒๔๔/๑๖๕, สารตฺถ.ฏีกา ๓/๒๔๔/๓๕๕)