พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 4 หน้าที่ 74

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 4 หน้าที่ 74

สารีบุตรปริพาชกได้ธรรมจักษุ


{๖๖} เพราะได้ฟังธรรมปริยายนี้ ธรรมจักษุ อันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่สารีบุตรปริพาชกว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น ทั้งปวงมีความดับไปเป็นธรรมดา” สารีบุตรปริพาชกกล่าวว่า

“ถ้าธรรมนี้ มีเพียงเท่านี้

ท่านก็ได้รู้แจ้งแทงตลอดทางอันหาความโศกมิได้แล้ว

อันเป็นทางที่พวกข้าพเจ้ายังไม่ได้เห็น

ล่วงเลยมาแล้วหลายหมื่นกัป”

สารีบุตรปริพาชกเปลื้องคำสัญญา


{๖๗} [๖๑] ครั้งนั้น สารีบุตรปริพาชกได้กลับไปหาโมคคัลลานปริพาชกถึงที่พัก โมคคัลลานปริพาชก ได้เห็นสารีบุตรปริพาชกเดินมาแต่ไกล ครั้นเห็นแล้วจึงได้ กล่าวกับสารีบุตรปริพาชก ดังนี้ว่า “ท่าน อินทรีย์ของท่านผ่องใส ผิวพรรณ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ท่านได้บรรลุอมตธรรมแล้วหรือ”

สารีบุตรปริพาชกตอบว่า “ใช่แล้วท่าน เราได้บรรลุอมตธรรมแล้ว”

“ท่าน ท่านได้บรรลุอมตธรรมได้อย่างไร”

“ท่าน เราได้เห็นท่านพระอัสสชิกำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ในกรุงราชคฤห์ มีกิริยาก้าวไป ถอยกลับ แลดู เหลียวดู คู้เข้า เหยียดออก น่าเลื่อมใส มีจักษุทอดลง ถึงพร้อมด้วยอิริยาบถแล้วคิดว่า ‘ภิกษุรูปนี้คงเป็นองค์ใดองค์หนึ่ง บรรดาพระอรหันต์หรือท่านผู้ดำเนินสู่หนทางแห่งความเป็นพระอรหันต์ในโลกเป็นแน่ ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปหาภิกษุนี้ถามว่า ผู้มีอายุ ท่านบวชอุทิศใคร ใครเป็น ศาสดาของท่าน หรือท่านชอบธรรมของใคร’ แล้วคิดว่า ‘บัดนี้ ยังเป็นกาลไม่ สมควรที่จะถามภิกษุนี้ เพราะท่านกำลังเข้าละแวกบ้านเที่ยวบิณฑบาตอยู่ ถ้ากระไร เราควรติดตามภิกษุนี้ไปข้างหลัง เพราะการติดตามไปข้างหลังนี้ เป็นหนทางที่ผู้มี ความต้องการรู้แล้ว’

ต่อมา ท่านพระอัสสชิได้เที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ รับบิณฑบาตแล้วกลับ