พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 4 หน้าที่ 50
ส่วนพญานาคทนการลบหลู่ไม่ไหว จึงพ่นไฟราวกับไฟไหม้ป่าสู้ ฝ่ายพระผู้มีพระภาคทรงเป็นมนุสสนาคะทรงฉลาดในเตโชกสิณ ทรงโพลงไฟสู้บ้าง
เมื่อทั้งสองฝ่ายโพลงไฟขึ้น เรือนไฟก็ลุกโพลง โชติช่วงดุจทะเลเพลิง พวกชฎิลกล่าวกันว่า “แน่ะผู้เจริญ มหาสมณะรูปงามคงจะถูกพญานาค ทำร้ายเป็นแน่”
ครั้นราตรีนั้นผ่านไป เปลวไฟของพญานาคถูกทำลาย ส่วนเปลวไฟหลากสีของพระผู้มีพระภาคผู้ทรงฤทธิ์ยังอยู่
พระรัศมีหลากสี คือ สีเขียว สีแดง สีแสด สีเหลือง สีแก้วผลึก ปรากฏที่พระกายของพระอังคีรส
พระผู้มีพระภาค ทรงจับพญานาคขดลงในบาตรแล้ว ทรงแสดงแก่ชฎิลอุรุเวลกัสสปะว่า “ท่านกัสสปะ นี่พญานาค ของท่าน เราครอบงำเดชของมันด้วยเดชของเราได้แล้ว”
ขณะนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสปะเลื่อมใสในอิทธิปาฏิหาริย์นี้ของพระผู้มีพระภาค ยิ่งนักแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่มหาสมณะ โปรดประทับอยู่ที่ นี่แหละ ข้าพเจ้าจักบำรุงพระองค์ด้วยภัตตาหารประจำ”
ปาฏิหาริย์ที่ ๑ จบ
ปาฏิหาริย์ที่ ๒
เรื่องท้าวมหาราชทั้ง ๔
{๔๐} [๔๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ไพรสณฑ์แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจาก อาศรมของชฎิลอุรุเวลกัสสปะ