พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 3 หน้าที่ 379

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 3
<< | หน้าที่ 379 | >>

๙. ฉัตตุปาหนวรรค


สิกขาบทที่ ๑๒


ว่าด้วยการถามปัญหากะภิกษุโดยไม่ได้ขอโอกาส


เรื่องภิกษุณีหลายรูป


{๔๗๖} [๑๒๑๙] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลายถามปัญหาภิกษุ ที่ตนยังไม่ได้ขอโอกาส ภิกษุทั้งหลายจึงตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉน พวกภิกษุณีจึงถามปัญหาภิกษุที่ตนยังไม่ได้ขอโอกาสเล่า” ครั้นแล้ว ภิกษุณีเหล่านั้น ได้นำเรื่องนี้ไปบอกภิกษุทั้งหลายให้ทราบ พวกภิกษุได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มี พระภาคให้ทรงทราบ

ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง สอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พวกภิกษุณีถามปัญหาภิกษุ ที่ตนยังไม่ได้ขอโอกาส จริงหรือ” ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า “ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุณี จึง ถามปัญหาภิกษุที่ตนยังไม่ได้ขอโอกาสเล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ” แล้วจึงรับสั่งให้ภิกษุณีทั้งหลายยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงดังนี้

พระบัญญัติ


[๑๒๒๐] ก็ภิกษุณีใดถามปัญหาภิกษุที่ตนยังไม่ได้ขอโอกาส ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์

เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ


๑ คำว่า “ยังไม่ได้ขอโอกาส” หมายถึงยังไม่ระบุเรื่องที่จะถาม เพราะฉะนั้น ขอโอกาสที่จะถามปัญหาในพระ สูตรแล้วไปถามพระวินัยหรือพระอภิธรรม หรือขอโอกาสในพระวินัยแล้วถามพระสูตรหรือพระอภิธรรม หรือขอโอกาสในพระอภิธรรมแล้วถามพระสูตรหรือพระวินัย ต้องอาบัติปาจิตตีย์ (กงฺขา.อ. ๔๐๘)