พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 3
<< | หน้าที่ 345 | >>
ทั้งไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้เล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยัง ไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ” แล้วจึงรับสั่งให้ภิกษุณีทั้งหลายยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงดังนี้
พระบัญญัติ
[๑๑๕๕] ก็ภิกษุณีใดกล่าวกับสิกขมานาว่า ‘แม่คุณ ถ้าเธอจักติดตามเรา ตลอด ๒ ปี เมื่อเป็นอย่างนั้น เราก็จะบวชให้เธอ’ ภายหลังภิกษุณีนั้นผู้ไม่มี อันตรายไม่บวชให้ ไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ
สิกขาบทวิภังค์
{๔๒๗} [๑๑๕๖] คำว่า ก็ ... ใด คือ ผู้ใด ผู้เช่นใด ฯลฯ นี้ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ก็ ... ใด
คำว่า ภิกษุณี มีอธิบายว่า ชื่อว่าภิกษุณี เพราะเป็นผู้ขอ ฯลฯ นี้ที่พระผู้มี พระภาคทรงประสงค์เอาว่า ภิกษุณี ในความหมายนี้
ที่ชื่อว่า สิกขมานา ได้แก่ สามเณรีผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปี
คำว่า แม่คุณ ถ้าเธอจักติดตามเราตลอด ๒ ปี ความว่า เธอจักอุปัฏฐากเรา ตลอด ๒ ปี
คำว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ เราก็จะบวชให้เธอ ความว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ เราจะ อุปสมบทให้เธอ
คำว่า ภายหลังภิกษุณีนั้นผู้ไม่มีอันตราย คือ เมื่ออันตรายไม่มี
คำว่า ไม่บวชให้ คือ ไม่บวชให้ด้วยตนเอง
คำว่า ไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้ คือ ไม่สั่งภิกษุณีรูปอื่น
พอทอดธุระว่า “จะไม่บวชให้ จะไม่ขวนขวายใช้ให้บวชให้” ต้องอาบัติปาจิตตีย์