พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 3 หน้าที่ 302

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 3
<< | หน้าที่ 302 | >>

ครั้นทรงตำหนิแล้ว ทรงแสดงธรรมีกถา แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุ ทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุณีสงฆ์ให้วุฏฐานสมมติแก่สิกขมานาผู้ได้ศึกษาสิกขา ในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปีแล้ว

ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้วุฏฐานสมมติ อย่างนี้

วิธีขอวุฏฐานสมมติและกรรมวาจาให้วุฏฐานสมมติ


สิกขมานาผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปีแล้วนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุณีทั้งหลาย นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “แม่เจ้า ดิฉันชื่อนี้เป็นสิกขมานาของแม่เจ้าชื่อนี้ ได้ศึกษาสิกขา ในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปีแล้ว ขอวุฏฐานสมมติต่อสงฆ์”

พึงขอแม้ครั้งที่ ๒ พึงขอแม้ครั้งที่ ๓

ภิกษุณีผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาว่า

[๑๐๘๕] “แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขมานาชื่อนี้ของแม่เจ้าชื่อนี้ได้ ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปีแล้ว ขอวุฏฐานสมมติต่อสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อม กันแล้วก็พึงให้วุฏฐานสมมติแก่สิกขมานาชื่อนี้ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปีแล้ว นี่เป็นญัตติ

แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขมานาชื่อนี้ของแม่เจ้าชื่อนี้ได้ศึกษาสิกขา ในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปีแล้ว ขอวุฏฐานสมมติต่อสงฆ์ สงฆ์ให้วุฏฐานสมมติแก่ สิกขมานาชื่อนี้ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปีแล้ว แม่เจ้ารูปใดเห็นด้วย กับการให้วุฏฐานสมมติแก่สิกขมานาชื่อนี้ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ข้อตลอด ๒ ปี แล้ว แม่เจ้ารูปนั้นพึงนิ่ง แม่เจ้ารูปใดไม่เห็นด้วย แม่เจ้ารูปนั้นพึงทักท้วง

๑ วุฏฐานสมมติ แปลว่า สมมติการบวช หมายถึงการรับรองให้บวชได้ กรรมชนิดนี้ ภิกษุณีสงฆ์จะให้แก่ สิกขมานาผู้ศึกษาประพฤติตามธรรม ๖ ข้อ ครบ ๒ ปี วุฏฐานสมมติถือเป็นประกาศนียบัตรรับรองให้ บวชเป็นภิกษุณีได้