พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 1 หน้าที่ 132

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 1
<< | หน้าที่ 132 | >>

“โยม ท่านพระอัชชุกะไม่เป็นพระ”

ลำดับนั้น ท่านพระอัชชุกะกล่าวกับท่านพระอานนท์ว่า “ท่านอานนท์ ท่านโปรดให้การวินิจฉัยแก่กระผมเถิด ขอรับ”

ท่านพระอุบาลีอยู่ฝ่ายพระอัชชุกะ ถามพระอานนท์ว่า “ท่านอานนท์ ภิกษุ รูปใดบอกขุมทรัพย์แก่บุคคลตามที่เจ้าของสั่งให้บอก ภิกษุรูปนั้นจะต้องอาบัติอะไร”

ท่านพระอานนท์ตอบว่า “ภิกษุนั้นจะไม่ต้องอาบัติอะไรเลย โดยที่สุดแม้แต่ อาบัติทุกกฏ”

ท่านพระอุบาลีจึงกล่าวว่า “พระอัชชุกะนี้อันเจ้าของทรัพย์สั่งไว้ว่า ท่านโปรด บอกที่ฝังทรัพย์นี้แก่บุคคลชื่อนี้ จึงได้บอกแก่ผู้นั้น ดังนั้นพระอัชชุกะจึงไม่ต้อง อาบัติ” (เรื่องที่ ๑๔๗)

เรื่องทารกชาวกรุงพาราณสี ๑ เรื่อง


{๑๗๓} [๑๕๙] ตระกูลอุปัฏฐากของท่านพระปิลินทวัจฉะในกรุงพาราณสี ถูกโจร ปล้นและพาเด็กไป ๒ คน ต่อมา ท่านพระปิลินทวัจฉะช่วยนำเด็กหนีออกมาไว้ ที่ปราสาทด้วยอิทธิฤทธิ์ ชาวบ้านเลื่อมใสว่า นี้เป็นอิทธานุภาพของท่าน พระปิลินทวัจฉะโดยแท้ ภิกษุทั้งหลายจึงตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉนท่าน ปิลินทวัจฉะจึงนำเด็กที่พวกโจรพาตัวไปมาเล่า” แล้วนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มี พระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีฤทธิ์ไม่ต้องอาบัติ เพราะวิสัยแห่งฤทธิ์” (เรื่องที่ ๑๔๘)

เรื่องภิกษุชาวกรุงโกสัมพี ๑ เรื่อง


{๑๗๔} [๑๖๐] สมัยนั้น พระปัณฑุกะและพระกปิละเป็นเพื่อนกัน รูปหนึ่งอยู่ใน อาวาสใกล้หมู่บ้าน อีกรูปหนึ่งอยู่ในกรุงโกสัมพี ต่อมาเพื่อนภิกษุผู้อยู่ในหมู่บ้าน เดินทางจากหมู่บ้านไปกรุงโกสัมพี ระหว่างทาง ข้ามแม่น้ำ เปลวมันข้นที่หลุดจาก มือของพวกคนฆ่าหมูลอยมาติดที่เท้า เธอจึงเก็บไว้ด้วยตั้งใจว่าจะให้คืนแก่เจ้าของ พวกเจ้าของกล่าวหาภิกษุนั้นว่า “ท่านไม่เป็นพระ” หญิงเลี้ยงโคคนหนึ่งพบท่านข้าม