พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 1 หน้าที่ 102

@vinayo

พระไตรปิฏกฉบับมจร. เล่มที่ 1
<< | หน้าที่ 102 | >>

สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งพบสิ่งของตอนกลางวัน ได้ทำเครื่องหมายไว้ ด้วย ตั้งใจว่า จะลักตอนกลางคืน ท่านสำคัญสิ่งของนั้นว่าเป็นสิ่งของนั้น แต่ได้ลักสิ่งของ อื่นมา แล้วเกิดความกังวลใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอต้องอาบัติ ปาราชิก” (เรื่องที่ ๑๑)

สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งพบสิ่งของตอนกลางวัน ได้ทำเครื่องหมายไว้ ด้วย ตั้งใจว่าจะลักตอนกลางคืน ท่านสำคัญสิ่งของนั้นว่าเป็นสิ่งของอื่น แต่ได้ลักสิ่งของ นั้นมา แล้วเกิดความกังวลใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไป กราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอต้องอาบัติ ปาราชิก” (เรื่องที่ ๑๒)

สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งพบสิ่งของตอนกลางวัน ได้ทำเครื่องหมายไว้ด้วย ตั้งใจว่า จะลักตอนกลางคืน ท่านสำคัญสิ่งของนั้นว่าเป็นสิ่งของอื่น ได้ลักสิ่งของ อื่นมา แล้วเกิดความกังวลใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไป กราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอต้องอาบัติ ปาราชิก” (เรื่องที่ ๑๓ )

สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งพบสิ่งของตอนกลางวัน ได้ทำเครื่องหมายไว้ด้วย ตั้งใจว่า จะลักตอนกลางคืน ท่านสำคัญสิ่งของนั้นว่าเป็นสิ่งของนั้น แต่ได้ลักสิ่งของ ของตนเอง แล้วเกิดความกังวลใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติ ปาราชิก แต่ต้องอาบัติทุกกฏ” (เรื่องที่ ๑๔)

เรื่องทรัพย์ที่ภิกษุนำไปแต่ผู้เดียว ๑๑ เรื่อง


{๑๓๑} สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งนำสิ่งของของผู้อื่นไป มีไถยจิต จับต้องสิ่งของที่อยู่บน ศีรษะตนเอง แล้วเกิดความกังวลใจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า “ภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติ ปาราชิก แต่ต้องอาบัติทุกกฏ” (เรื่องที่ ๑๕)